เมนู

ขัณฑจักรทุมูลกนัย แห่งวัตถุนิสสารกะ


มีอุตริมนุสธรรม 2 ข้อเป็นมูล


[274] 1. ภิกษุรู้อยู่ ประสงค์จะกล่าวว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน
และทุติยฌานแล้ว ดังนี้ แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและตติยฌานแล้ว
ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ
1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รูว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้น
กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ
6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
2. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและจตุตถฌาน
แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย.
3. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญต-
วิโมกข์แล้ว. . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
4. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตต-
วิโมกข์แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
5. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิต
วิโมกข์แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.

6. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญต-
สมาธิแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
7. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตต-
สมาธิแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
8. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิต-
สมาธิแล้ว. . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
9. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญต-
สมาบัติแล้ว . . .เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
10. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตต-
สมาบัติแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ
อาบัติถุลลัจจัย.
11. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิต-
สมาบัติแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
12. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและวิชชา 3
แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย.

13. ภิกษุรู่อยู่ แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน
8 แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
14. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสัม-
มัปปธาน 4 แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
15. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอิทธิบาท
4 แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย
16. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอินทรีย์
5 แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย.
17. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข่าปฐมฌานและพละ 5
แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย.
18. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเช้าปฐมฌานและโพชฌงค์
7 แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย.
19. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอริยมรรค
มีองค์ 8 แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.

20. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและโสดา-
ปัตติผลแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
21. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสกทา-
คามิผลแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
22. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนา-
คามิผลแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่ เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
23. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอรหัตผล
แล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าเข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย.
24. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน และราคะ
ข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว
เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
25. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน และโทสะ
ข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.
26. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน และโมหะ
ข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย.

27. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน และจิตของ
ข้าพเจ้าเปิดจากราคะ . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
28. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต้กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน และจิตของ
ข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
29. ภิกษุรู้อยู่ . . . แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน และจิตของ
ข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ . . . เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
ขัณฑจักร ทุมูลกนัย แห่งวัตถุนิสสารกะ
มีอุตริมนุสธรรม 2 ข้อ เป็นมูล จบ

พัทธจักร ทุมูลกนัย แห่งวัตถุนิสสารกะ


มีอุตริมนุสธรรม 2 ข้อเป็นมูล


[275] 1. ภิกษุรู้อยู่ ประสงค์จะกล่าวว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌาน
และตติยฌานแล้ว ดังนี้ แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌานแล้ว ด้วย
อาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1
เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพราง
ความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก
เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย.